เนื้อหาของ e-learning สามารถแบ่งเป็น 3 ลักษณะดังนี้
1.
ระดับเน้นข้อความออนไลน์ (text online)
เนื้อหาจะอยู่ในรูปของข้อความเป็นหลัก
ซึ่งมีข้อดีคือเป็นการประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการผลิตเนื้อหาและการบริหารจัดการรายวิชาโดยผู้สอนหรือผู้เชี่ยวชาญเนื้อหาสามารถผลิตได้ด้วยตนเอง
2.
ระดับรายวิชาออนไลน์เชิงโต้ตอบและประหยัด (low cost interactive online
course) เนื้อหาจะอยู่ในรูปตัวอักษร
ภาพ เสียง และวีดีทัศน์ ที่ผลิตขึ้นมาอย่างง่าย ๆ ซึ่งควรมีการพัฒนา LMS ที่ดี
เพื่อช่วยผู้สอนหรือผู้เชี่ยวชาญด้านเนื้อหาในการสร้างและปรับเนื้อหาให้ทันสมัยได้ด้วยตนเอง
3.
ระดับรายวิชาออนไลน์คุณภาพสูง (high quality online course) เนื้อหาจะอยู่ในรูปของมัลติมีเดียที่มีลักษณะมืออาชีพ
การผลิตต้องใช้ทีมงานในการผลิตที่ประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญด้านเนื้อหา (content
experts) ผู้เชี่ยวชาญการออกแบบการสอน
(instructional designers) และผู้เชี่ยวชาญการผลิตมัลติมีเดีย (multimedia
experts) เนื้อหาในระดับนี้ต้องมีการใช้เครื่องมือหรือโปรแกรมเฉพาะสำหรับการผลิตและเรียกดู
เช่น Macromedia Flash หรือ Flash Player เป็นต้น
ข้อดีของ e-Learning
1. e-Learning
ช่วยให้การจัดการเรียนการสอนมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
เพราะการถ่ายทอดเนื้อหาผ่านมัลติมีเดียที่ได้รับการออกแบบและผลิตอย่างมีระบบจะช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าการเรียนจากสื่อข้อความเพียงอย่างเดียว
2. e-Learning ช่วยให้ผู้สอนสามารถตรวจสอบความก้าวหน้าพฤติกรรมการเรียนของผู้เรียนได้อย่างละเอียดและตลอดเวลา
3. e-Learning
ช่วยทำให้ผู้เรียนสามารถควบคุมการเรียนรู้ของตนเองได้
โดยสามารถเข้าถึงข้อมูลใดก่อนหรือหลังก็ได้ ตามพื้นฐานความรู้ ความถนัด
และความสนใจของตน ทำให้ได้รับความรู้และมีการจดจำที่ดีขึ้น
4. e-Learning
ช่วยให้เกิดปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้เรียนกับครูผู้สอน
และกับเพื่อน ด้วยเครื่องมือต่าง ๆ มากมาย
5. e-Learning
เป็นการเรียนที่ผู้เรียนแต่ละคน
จะได้รับเนื้อหาของบทเรียนเหมือนเดิมทุกครั้ง
6. e-Learning
ช่วยส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้ทักษะใหม่
ๆ รวมทั้งเนื้อหามีความทันสมัย และตอบสนองต่อเหตุการณ์ต่าง ๆ
ในปัจจุบันได้อย่างทันที
7. e-Learning
ทำให้เกิดการเรียนการสอนแก่ผู้เรียนในวงกว้างขึ้น
เป็นการสนับสนุนการเรียนรู้ตลอดชีวิต